เขียนโดย ธ.ธรรมรักษ์ เมื่อ 7/6/2012
เหตุจากกรรมเก่า
คนที่มีปัญหาเรื่องเงินขาดมืออยู่บ่อยๆ อาจจะมาจากในอดีตชาตินั้นทำทานมาไม่ครบ ซึ่งหมายถึง เวลาในการทำทานนั้นยังมีจิตที่ตกอยู่ยังคงเสียดายทานที่ทำไป อย่างเช่น ตั้งใจว่าจะทำทานด้วยอาหารคาวหวาน 4 อย่าง ผลไม้ 5 อย่าง พอเอาเข้าจริงหรือเวลาลงมือปฏิบัติในทานนั้นกลับรู้สึกเสียดายหรือว่าด้วยเหตุอะไรก็ตามจึงทำทานนั้นน้อยลงไปจากที่เคยตั้งใจไว้ เช่น ไปลดปริมาณของลงเสีย ให้เหลือเพียงอย่างหรือสองอย่างไม่ตรงกับที่ตั้งใจไว้ หรือลดคุณภาพวัตถุทานที่จะทำนั้นด้วยความเสียดายเป็นเหตุ
ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านได้เมตตากล่าวถึงการตั้งใจสร้างบุญหรือไปรับปากพระสงฆ์ แล้วไม่ได้ทำ หรือทำเกินที่รับปาก ที่จะมีผลต่อเรื่องเงินทองมาก โดยให้พิจารณาดังนี้
1.
ทำน้อยกว่าที่ตั้งใจ เงินทองจะขาดมือบ่อย มักจะมีแต่ปัญหาการเงินตลอดเวลา คาดหวังว่าจะได้เงินมักจะพลาดไม่ได้ดังใจหวัง
2.
ทำเท่ากับที่ตั้งใจ จะมีความสุขตามบุญที่ทำ เงินทองไม่ขาดมือ มีใช้แต่ไม่ค่อยเหลือเก็บ ยังช่วยเหลือใครไม่ได้หรือช่วยได้แต่น้อยมาก
3.
ทำมากกว่าที่ตั้งใจเอาไว้ เงินทองจะมากมายเหลือกินเหลือใช้ โชคลาภเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัวอยู่ๆ ก็มีเงินทองเข้ามาและเป็นถูกต้องถูกธรรมด้วย และสามารถไปช่วยเหลือคนอื่นได้ตลอดเวลาเป็นบุญงอกที่งอกเงยทำให้คนผู้นั้นพบกับความสุขความเจริญ ซึ่งทั้ง 3 ประเภทนี้ใครอยากรวย อยากมีเงินก็ขอให้คิดเอาเองว่าจะทำบุญแบบไหนดีเมื่อได้ตั้งใจเอาไว้แล้ว
การที่เงินทองต้องขาดมือบ่อยๆ หมุนไม่ทันนั้นอีกสาเหตุหนึ่งมาจากการที่วัตถุทานที่เอามาสร้างบุญนั้นไม่บริสุทธิ์อาจจะมีบาปเจือปน คือ วัตถุทานนั้นอาจจะซื้อมาด้วยเงินที่ไม่บริสุทธิ์ เป็นเงินมาจากการเล่นการพนัน เงินมาจากการเบียดเบียนผู้อื่น หรือมาจากการทำร้าย ทำลายชีวิตเบียดเบียนผู้อื่น เช่น การไปฆ่าไก่มาต้มข่าถวายพระ การไปเด็ดดอกไม้จากสวนเพื่อนบ้านโดยไม่ขออนุญาตเอามาถวายพระ เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้บุญกุศลที่เคยทำมาจึงมีลักษณะแบบครึ่งๆ กลางๆ ขาดๆ หายๆ เดี๋ยวก็มีเงินทองมาก พอผ่านไประยะเงินขาดมือหมุนไม่ทัน จะไปหยิบยืมใครเขาก็ยากเพราะไม่มีบุญเชื่อมกับเขาไว้พอ หรือเกิดความยากลำบากเจอกับอุปสรรคกว่าจะได้รับการช่วยเหลือ บางครั้งต้องโดนเขาต่อว่าต่อขานหรือดูถูกเอาด้วยซ้ำ คนที่เขาต่อว่าดูถูกเหล่านี้ เขาเป็นเจ้ากรรมนายเวรคือเคยเป็นเจ้าของวัตถุทานที่เราเคยไปขโมยเขามานั่นเอง
เหตุจากกรรมใหม่
การที่เราหาเงินได้แบบชักหน้าไม่ถึงหลังนั้น ไม่ใช่ว่าจะเกิดจากกรรมเก่าเพียงอย่างเดียว เราต้องมาพิจารณาว่าเราทำเหตุให้ตรงกับผลหรือไม่ด้วย สิ่งที่เราทำนั้นสมบูรณ์เพียงพอที่จะทำให้มีเงินทองใช้อย่างไม่ขาดมือหรือไม่ ถ้าดูแล้วว่ายังไม่พอ ยังไม่ถึงเหตุต้องเปลี่ยนกรรมของตนเสีย ทำให้สมบูรณ์พร้อมยิ่งขึ้น เหมือนดังเราปลูกต้นมะม่วง หวังจะได้ผลมะม่วงที่สมบูรณ์ แต่เราขาดความเพียรทีจะไปรดน้ำ ใส่ปุ๋ย หมั่นกำจัดวัชพืช ปล่อยให้ต้นมะม่วงเติบโตไปตามเวรตามกรรม ผลมะม่วงที่ได้มานั้นคงไม่สมบูรณ์เท่ากับเราเอาใจใส่ดูแลอยู่เสมอ
ในการประกอบอาชีพ หากเรายังเป็นคนใจเร็ว ตัดสินพลาดในบางครั้งอาจจะทำให้ชวดโอกาสสำคัญ ก็ให้ใช้ปัญญาตรึกตรองให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ หากบอกว่าไม่มีความรู้ความสามารถก็ต้องพยายามขวนขวายเรียนรู้ เพื่อเอาความรู้นั้นมาเปลี่ยนเปลี่ยนเป็นเงิน
ยังเป็นคนที่ใช้เงินด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล ก็หันกลับด้านความคิดเสีย ให้ดูว่าของที่เราจะซื้อนั้นสมควรหรือไม่ที่จะซื้อ เมื่อซื้อแล้วทำให้เราต้องเงินขาดมือหรือไม่ ของที่จะซื้อรอได้อีกหรือไม่ พิจารณาให้ดี ๆ ส่วนหนึ่งที่เงินขาดมือมาจากการซื้อของโดยไม่คิดเน้นซื้อของโดยมุ่งประโยชน์เทียมมากกว่าประโยชน์แท้
เช่น เงินเดือนน้อยอยู่แล้วแต่ชอบซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ๆ เป็นประจำ เปลี่ยนมือถือทุก 3 เดือนโดยเน้นเรื่องฟังก์ชั่นใช้งานให้หลากหลายอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่จริงแล้วโทรศัพท์ก็เป็นเพียงอุปกรณ์เอาไว้ติดต่อสื่อสารรับส่งข้อมูลเท่านั้น คือต้องเปลี่ยนพฤติกรรมโดยหันมาประหยัดเน้นประโยชน์แท้มากกว่าประโยชน์เทียม ยังเป็นคนไม่อดออม สุรุ่ยสุร่าย ออกไปกินข้าวนอกบ้านทุกวัน รายจ่ายมากกว่ารายได้ขาดปัญญาในการใช้เงิน อย่างนี้ก็ต้องมีปัญหาทางการเงินอยู่ตลอดเวลา การแก้ไขควรเป็นไปทั้งสองทางทั้งทางโลกและทางธรรมเพื่อให้เกิดการเสริมแรงบุญซึ่งกันและกัน
การแก้ไขในทางโลก
ทุกคนย่อมมีปัญหาเรื่องการหารายได้กันอยู่ทุกคน ยิ่งคนที่มีปัญหาครอบครัวปัญหาเรื่องเงินหนักอยู่แล้วต้องทำเป็นอย่างยิ่งอย่างน้อยให้ผลกรรมนั้นบรรเทาลง ใครที่เป็นหนี้เป็นสินคนอื่น ก็อย่าหลบ อย่าหนีให้ติดต่อเจ้าหนี้เขาเสีย ขอโทษเขาและขอโอกาสเขาที่จะแก้ตัว ขอผ่อนใช้เขาไปจะน้อยหรือมากก็ต้องทำ ถ้าทำไม่ได้อย่าไปรับปากส่งเดชจะทำให้เกิดกรรมใหม่ที่หนักกว่ากรรมเก่ายิ่งกว่าเดิมเป็นการสร้างรอยแผลและผูกแค้นให้กับเจ้าหนี้อีก
การแสดงความรับผิดชอบและจริงใจในการจะรับผิดชอบหนี้ที่เกิดขึ้นอย่างน้อยก็จะเป็นการผ่อนคลายความตึงเครียดต่อเจ้าหนี้ ให้เขาเกิดความเชื่อมั่นว่าคนเป็นลูกหนี้จะไม่เบี้ยวหรือหนีหายไปส่งผลให้กรรมทั้งหลายอาจคลายตัวให้เบาบางลง
นอกจากนั้นเรายังต้องพิจารณาตนเองให้สม่ำเสมอว่ายังเป็นคนที่หาเงินไม่คล่องหรือไม่ ถ้าเพราะเราไม่มีช่องทาง ไม่มีคนสนับสนุนก็ไปหาเสีย ไปเปิดประตูโอกาสด้วยตัวเอง นิสัยที่ชอบอวดตัว อวดเบ่งก็ควรจะลดลงบ้าง อย่าทำตัวเป็นศูนย์กลางจักรวาล หัดเป็นคนอ่อนน้อม ถ่อมตน คนอื่นเขาจะได้เมตตาช่วยเหลือได้ ยิ่งมีบุญร่วมกันมายิ่งง่าย เพียงอุทิศบุญ เพื่อเชื่อมบุญกับท่าน เขาจะรู้สึกได้ด้วยจิตและช่วยเหลือเราแน่นอน
การแก้ไขในทางกรรม
ทางแก้ไขในเรื่องนี้แบบเร่งด่วนให้ได้ผลทันใจนั้น ควรหมั่นทำทานเสียใหม่ประกอบไปด้วยทาน 3 อย่างที่เกิดบุญมากอย่างสม่ำเสมอคือ
วัตถุทาน ธรรมทานและอภัยทาน
-
วัตถุทาน ที่จะทำ เอาแบบที่ตั้งใจทำแบบไหน แค่ไหนให้ทำแบบนั้น อยากทำ 1บาท ก็ 1 บาท อยากทำ 100 บาท ก็ 100 บาท อยากถวายข้าวเปล่าก็ข้าวเปล่าไม่ต้องเสียดายชักเก็บเอาไว้ ในการทำทานทุกครั้งอย่าให้จิตตกไปพะวงว่าคนที่รับทานนั้นเขาจะเอาวัตถุทานหรือปัจจัยนั้นไปทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสงฆ์ คนทั่วไปแม้แต่ขอทานก็อย่าไปคิด เอาแบบให้แล้วให้เลยขาดกัน ยิ่งวัตถุทานนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมากต้องใช้ในชีวิตของเราแต่เราเสียสละให้คนอื่นได้ จะยิ่งมีอานิสงส์มาก ดังในพุทธกาลที่คนยากจนมากๆ ถวายผ้านุ่ง ถวายข้าวก้อนสุดท้ายให้กับพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า ด้วยอานิสงส์แห่งบุญคนยากจนกลายเป็นมหาเศรษฐีได้ในพริบตา
-
ธรรมทาน คือ การเอาความรู้ไปช่วยให้เขาพ้นทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นทางโลกและทางธรรม เช่น ไปสอนเขาปลูกผักให้ถูกต้อง ไปสอนเขาทำอาหารให้ดีให้เก่ง สอนวิชาช่างไปทำเป็นอาชีพได้ บอกทางให้เขาได้เดินชีวิตถูกต้อง การให้กำลังใจเขาให้สู้ชีวิต การไปร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะ หนังสือสวดมนต์ หรือแม้แต่เราไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว ก็เป็นผู้นำบุญไปบอกไปเชิญชวนให้คนมาร่วมพิมพ์หนังสือ หรือชวนคนทำบุญ ถือว่าเป็นธรรมทานทั้งสิ้น
-
อภัยทาน เรื่องนี้เป็นบุญใหญ่ที่สุด ทำลักษณะการทำนั้นทำได้ง่ายด้วยตัวเองไม่ต้องเสียเงินทอง แต่อภัยทานแม้รูปแบบจะทำได้ง่าย แต่ทว่ากลับทำได้ยากที่สุดในทานทั้งหมดเพราะว่าวิสัยของปุถุชนย่อมมีความโกรธเคือง อาฆาตพยาบาท อยู่ในกมลสันดานอยู่แล้ว ซึ่งต้องหมั่นฝึกฝนทำให้เป็นประจำ ซึ่งถ้ามีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาเป็นหลักจะช่วยให้ง่ายขึ้นและสำเร็จได้แบบสบายๆ
การให้อภัยนั้นควรเริ่มจากการตั้งจิตให้สงบเสียก่อน คือให้ละจากอารมณ์โกรธเคียดแค้นใด ๆให้ได้ก่อน แม้ความขัดเคืองในใจยังมีอยู่แต่อย่างไรก็ตามต้องทำให้จิตสงบนิ่งให้ได้ ขอให้คิดว่ากรรมใดๆ เรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเราเคยไปสร้างกรรมเวรไว้กับเขาเมื่อถึงเวลาเขาก็ต้องมาเอาคืน เป็นการดีแล้วที่เราใช้หนี้เขาไปเสียจะได้ไม่ติดค้างกันอีกหมดสิ้นกันเสียที จากนั้นให้อโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรเขาเสียไม่ให้มีเวรกรรมติดค้างผูกพันกันอีก
ต่อมาคือ ให้อภัยต่อคนรอบข้างทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นใครเป็นพ่อแม่ พี่น้อง ลูก ญาติมิตร คนร่วมงานกัน คู่ค้า ลูกค้า สัตว์เลี้ยง สรรพสัตว์ต่างๆ หมั่นให้อภัยทานบ่อยๆ จิตเราจะมีกำลังมาก ทำอะไรก็สำเร็จไม่มีกรรมมาเหนี่ยวมาขวางเอาไว้ แต่ต้องให้อภัยทั้งหมดทั้งกาย วาจา และใจ และที่สำคัญพยายามให้คนรอบข้างที่มีส่วนในชีวิตของเราให้อโหสิกรรมต่อกันและกัน
การสร้างทานใหญ่ด้วย วัตถุทาน ธรรมทาน อภัยทาน ควรทำในทุกๆ วัน ยิ่งวันละหลายครั้งก็จะยิ่งดีขึ้นอย่างทันตาเห็นเคล็ดลับสำคัญคือ การทำทานให้เป็นประโยชน์แก่คนหมู่มาก
เพราะยิ่งเกิดประโยชน์มากเท่าใด โชคลาภจะหลั่งไหลมาสู่ไม่ขาดสาย เงินทองจะไม่ขาดมือ ไม่มีขัดสน ด้วยอานิสงส์บุญที่ทำลงไป เช่น ร่วมสร้างถนน โรงพยาบาล ร่วมซื้อเครื่องมือแพทย์ สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ สร้างมหาเจดีย์ โรงทาน เป็นต้น
เมื่อทำทานครั้งใดเสร็จสิ้นให้อุทิศบุญไปให้เจ้ากรรมนายเวรเขาทันที พูดด้วยภาษาง่ายๆ ก็ได้ให้เขามารับบุญกุศลนี้ ถ้าเขาพอใจแล้ว ยินดีในบุญแล้วขอให้เขาอโหสิกรรมให้ ถอนตัวไปจากการขัดขวางในเรื่องเงินนี้ ต้องระบุไปอย่างเจาะจงเลย หลายคนไม่บอกแบบเจาะจงว่าเดือดร้อนเรื่องอะไร เจ้ากรรมนายเวรเขานึกว่าเป็นดอกเบี้ยกรรม เขาจึงเฉยๆ ไม่ถอนตัวออกไปเพราะเขาไม่รู้ว่าเราต้องการอะไรกันแน่ จึงต้องบอกอย่างละเอียด
อีกทั้งต้องอุทิศบุญให้กับเทวดาประจำตัว ดวงวิญญาณที่ดูแลคุ้มครองเราอยู่ ซึ่งจะบอกให้ทราบว่าทุกคนมีเทวดาประจำตัวแน่นอนอย่างน้อย 2 ตนขึ้นไปและดวงวิญญาณที่คุ้มครองด้วย ท่านเหล่านี้มาจากคนที่รักเรา เมตตาเราอย่างจริงใจและมีกรรมดีผูกพันกันมา อาจจะเป็นบรรพบุรุษในอดีตชาติ พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย พี่น้อง ลูก ญาติหรือเพื่อนสนิท ครูบาอาจารย์ที่ตายไปแล้วและอยู่ในภพภูมิอื่น ท่านยังเป็นห่วงจึงมาดูแลเราอยู่
เราต้องหมั่นอุทิศบุญส่งไปให้ท่านเพื่อให้ท่านมีบุญเพิ่มขึ้น และสายใยแห่งบุญที่เหนียวแน่นมั่นคงท่านจะรักและเมตตาเรามากขึ้นไปอีก ท่านเหล่านี้มีอำนาจในระดับหนึ่งที่จะช่วยดลใจให้เราพบช่องทางการหาเงินที่ถูกต้องถูกธรรม ไม่มีกรรมชั่วติดมาด้วย ช่วยดลใจให้เราพบคนดีที่จะช่วยเหลือ ดลใจให้เราพบโชคลาภที่ถึงเวลาจะได้จากที่เคยช้าก็จะเร็วขึ้น ส่งผลให้มีเงินทองไม่ขาดมือแน่นอน
การสร้างทานใหญ่ด้วย วัตถุทาน ธรรมทาน อภัยทาน แล้วอุทิศบุญไปตามที่บอกไว้ ควรทำในทุกๆ วันอย่างสม่ำเสมอ ทุกท่านจะเห็นผลแบบอัศจรรย์ พร้อมกับเปลี่ยนกรรมใหม่ให้ตรงกับผลที่อยากได้คือ อยากมีเงินทองใช้จ่ายไม่ขาดมือ บอกได้คำเดียวว่า ใครทำ ใครก็รวยและยิ่งทำ ยิ่งมีเงินมากตามที่ปรารถนาทุกประการ
ที่มา : http://www.torthammarak.com/modules/smartsection/item.php?itemid=190